ตรุษจีน คนจีนเรียกว่า
"กั้วเหนียน" ตามตำนานเล่าว่า
เหนียนเป็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ที่มักจะอาละวาดออกมาจับผู้คนกินเป็นอาหาร
ในคืนก่อนวันตรุษจีน เหนียนเป็นสัตว์ที่ร้ายกาจมากขนาดที่สัตว์ร้ายอย่าง หมี เสือ
สิงโต หรืองูพิษ ไม่อาจทำอะไรได้ ทุกครั้งที่เหนียนอาละวาด ผู้คนจะหวาดกลัวมาก
แต่ก็มีผู้เฒ่าผู้หนึ่ง
ที่ไม่กลัวเหนียนและอาสาที่จะปราบเหนียน เมื่อเผชิญหน้ากับเหนียน
ผู้เฒ่าผู้นี้ได้เปลื้องเสื้อผ้าออก เหลือแต่ชุดชั้นในสีแดง
ปรากฏว่าเหนียนหวาดกลัวมาก และผู้เฒ่าก็สามารถปราบเหนียนให้สงบเชื่องได้
และพาเหนียนไปสู่สวรรค์ ผู้คนจึงสรรเสริญว่าผู้เฒ่าผู้นี้คงจะเป็นเซียนหรือเทพเจ้าเป็นแน่
จากตำนานความเชื่อนี้
จึงเป็นที่มาของการประดับบ้านเรือนหรือสถานที่ต่าง ๆ ด้วยสีแดงของชาวจีนในโอกาสต่าง
ๆ และกลายเป็นสีที่เชื่อว่า เป็นสีมงคล ขับไล่สิ่งชั่วร้าย ตามคตินิยมของชาวจีน
จนขณะนี้ การใส่สีแดง และใช้สีแดงได้แฝงความปรารถนาไว้ว่าจะเฮงๆๆ... นอกจากนั้น
สีแดงก็ยังถูกใช้ในพิธีต่างๆ ที่แสดงความเป็นมงคล เช่นในการเปิดกิจการใหม่ ก็จะมีการติดกระดาษแดง
โบว์ริบบิ้นแดง ผ้าคลุมป้ายแดง ผ้าปูโต๊ะแดง ถ้าเป็นสมัยก่อนก็จะสวมชุดแดงด้วย
หรือในความหมายมงคลควบคู่กับความรักอย่างในพิธีแต่งงานที่จะเห็นชัด
เพราะจะเห็นสีแดงละลานตาไปหมดไม่ว่าจะเป็นชุดของเจ้าบ่าวเจ้าสาว
ตัวอักษรที่ใช้ประดับในงาน หมวก ดอกไม้ รวมไปถึงเกี้ยวเจ้าสาว
ขนาดกระดาษห่อของขวัญก็ยังใช้สีแดง
ไม่เว้นแม้แต่ในตลาดหุ้นของจีน
สีแดงก็ยังเข้ามามีบทบาทอยู่ด้วยเช่นกัน เพราะโดยทั่วไป กระดานหุ้นทางฟากตะวันตก
หรือในหลายๆประเทศเวลากลายเป็นสีแดงหมายถึงหุ้นกำลังร่วง แต่สำหรับที่แผ่นดินใหญ่
ไต้หวัน และฮ่องกงของจีน หากกระดานหุ้นเป็นสีแดงกลับหมายถึงหุ้นกำลังขึ้น
(ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://thai.cri.cn/221/2016/02/03/228s239483.htm)
การมีโคมไฟสีแดงหน้าบ้านในตำนานคือการป้องกันสัตว์ร้ายและนำโชคดี
ปัจจุบันแสงสว่างป้องกันโจรผู้ร้ายแล้วใจชีวิตเราละมีแสงสว่างนำทางหรือยัง
แน่นอนครับชีวิตที่มืดมนไม่เห็นทางจะเดินถึงฝันได้อย่างไร ชีวิตที่เป็นแสงสว่างผมว่าเริ่มจากคิดมากให้เป็นบวกก่อนครับเราจะเห็นเรื่องรวมมากมายทั้งร้ายและดีเป็นโอกาสดีๆเข้าหาเรา
ศรัทธาในตัวเองให้ดีหรือให้เป็นเราจะเห็นคุณค่าในตัวเรา เรามีค่าจะดึงสิ่งมีค่าเข้าหาเราเสมอครับ